วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สามก๊ก (จิตกรรมฝาผนังวัดโอกาสบัวบาน อ.เมือง จ.นครพนม)





เตียนอุยเป็น ชาวตำบลอี่อู๋ เมืองเฉินหลิว(ตัวลิว) มีความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งในขณะนั้น โจโฉได้เป็นมหาอุปราช แห่งภาคบูรพาของมหาอาณาจักรจีน ณ เมืองกุนจิ๋ว ในขณะนั้นก็มีหัวหน้ากองโจรมาสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ หัวหน้าโจรนั้นก็คือ อิกิ๋ม ต่อมาอิกิ๋ม ก็ได้เป็นถึงแม่ทัพเรือของโจโฉ อิกิ๋มได้รายงานต่อโจโฉว่า“ในหมู่สหายร่วมตายของข้า ในขณะที่ข้ายังท่องป่าอยู่นั้น ได้พบชายผู้หนึ่งมีนามว่า เตียนอุย ตีเสือดุตัวหนึ่งตาย ข้าเห็นว่ากำลังกล้าแข็งนัก จึงคบไว้เป็นเพื่อนร่วมใจ” โจโฉ จึงถามอิกิ๋มว่า“แล้วผู้ใดเล่าคือเตียนอุย” อิกิ๋มจึงชี้ไปยังชายร่างใหญ่ซึ่งรูปร่างสูงที่สุดในหมู่โจร โจโฉ จึงเรียกเตียนอุยเข้ามาคุยด้วย แล้วถาม เตียนอุยว่า“ท่านชอบอาวุธสิ่งใดเล่า” เตียนอุยตอบว่า “ข้าพเจ้าฝึกไว้จนคล่องแคล่วในการใช้หอกสองมือและหอกแต่ละมือหนักแปดสิบชั่ง” โจโฉจึงถามว่า“ไฉนเราจะได้ชมฝีมือหอกของท่านเล่า” เตียนอุยจึงแสดงฝีมือให้โจโฉ ดู โจโฉเห็นดังนั้น จึงสรรเสริญเตียนอุยว่าทรงพลังเป็นอันมาก โจโฉจึงมอบตำแหน่งองครักษ์ให้กับเตียนอุยทันที ในขณะที่โจโฉยาตราทัพ เพื่อจะปราบลิโป้ เตียนอุยก็เข้าร่วมเป็นร่วมตายปราบลิโป้ด้วยกับโจโฉด้วย จนโจโฉยังไม่สามารถปราบลิโป้ได้ จึงต้องใช้อ้วนเสียเป็นจุดยุทธศาสตร์เพื่อจะได้ยกทัพสะดวกๆเพื่อเข้าตีลิโป้ โจโฉจึงตัดสินใจยกทัพเหยียบอ้วนเสีย เตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเสียเห็นว่า กำลังตัวเองน้อยกว่าฝ่ายโจโฉ จึงยอมสวามิภักดิ์ ต่อโจโฉโดยดี เตียวสิ้วพยายามที่จะทำให้โจโฉลืมกลิ่นไอสงคราม โดยการส่งนางบำเรอให้โจโฉทุกๆวัน วันหนึ่งโจโฉถามคนรับใช้ว่าในเมืองนี้เห็นหญิงงามผ่านตาบ้างหรือเปล่า คนรับใช้จึงตอบว่า ข้าเพิ่งเห็นมาหยกนางงามวิลาส เป็นภรรยาของเตียวเจ้ ซึ่งเป็นอาของเตียวสิ้ว ตัวเตียวเจ้นั้นตายแล้ว หญิงงามผู้นี้จึงตกเป็นม่าย โดยมีเตียวสิ้วเลี้ยงดูเป็นอาสะใภ้ โจโฉจึงส่งโจอันบิ๋นหลานชายไปเชิญมา มาที่พำนักของโจโฉในเวลาค่ำคืน เตียนอุยทหารองครักษ์ก็ยัง ทำหน้าที่ตามเดิมอยู่ ระแวดระวังหน้าประตูกระโจมของโจโฉ ทำให้เตียวสิ้วนั้นแค้นมาก เพราะดูหมิ่นเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ตั้งแต่แรกเตียวสิ้วไม่เคยคิดจะสู้กับโจโฉเลย แต่ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เตียวสิ้ว คิดสู้เพื่อวงศ์ตระกูล

เตียวสิ้วได้วางแผนกับกาเซี่ยงมาเป็นอย่างดี โดยการนำชายฉกรรจ์เมืองอ้วนเสียมาเป็นทหารแล้วล้อมกระโจมโจโฉเอาไว้ แต่แผนการของเตียวสิ้วต้องหยุดชะงักเพราะเตียนอุยนี่เอง เพราะเตียนอุยเฝ้าหน้ากระโจมของโจโฉทั้งวันทั้งคืนจึงหาโอกาสโจมตีได้ยาก แต่ทหารคนสนิทของเตียวสิ้วผู้หนึ่งชื่อ ว่า เฮาเฉีย เข้ามาแนะนำแก่เตียวสิ้วว่าตนเองแบกเหล็กได้ถึง ๕๐๐ ชั่ง ทั้งวิ่งได้อย่างรวดเร็ว และถ้าคิดอ่านขโมยหอกของเตียนอุยมาก็จะทำการได้โดยง่าย เฮาเฉียจึงแนะนำว่าให้หาเหตุเชิญเตียนอุยมาเลี้ยงสักมื้อจัดสุราที่แรงที่สุดมอมเตียนอุยซ่ะ เมื่อถึงเวลาทำการ เตียวสิ้วจึงเชิญเตียนอุยมาแล้วมอมเหล้า ส่วนเฮาเฉียก็ ลักหอกประจำตัวของเตียนอุยมา และนำทหารบุกเข้ามาที่กระโจมโจโฉ

เมื่อเตียนอุยสร่างเมาได้สติไม่พบอาวุธคู่มือของตน ส่วนที่พักของโจโฉถูกไฟเผาลุกไหม้ ระหว่างชุลมุนโจโฉหลบหนีออกทางด้านหลัง พร้อมกับทหารแค่ไม่กี่คน เตียนอุยไม่รู้ว่าโจโฉหนีไปแล้ว จึงตัดสินใจยืนเฝ้าขัดขวางทหารข้าศึกอยู่ที่หน้าค่ายพัก โดยแย่งชิงอาวุธจากทหารของเตียวสิ้วที่กรูเข้ามา เตียนอุยยืนหยัดสู้จนแทบไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็สังหารทหารของเตียวสิ้วไปได้เป็นจำนวนมาก เมื่อไร้อาวุธจะต่อสู้ข้าศึกแล้ว เหลือเพียงซากศพของทหารที่เขาสังหารไปอยู่รายล้อม จึงใช้สองมือจับเอาศพเหล่านั้นมาแทนทวนคู่ ไล่จัดการเหล่าศึกต่อเนื่อง

ฝ่ายทหารของเตียวสิ้วได้ระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่เตียนอุย เตียนอุยแม้จะถูกเกาทัณฑ์ยิงใส่เสียบทะลุร่าง แต่เขาก็ยังยืนหยัดสู้และเฝ้าขวางทางอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งถูกทหารของเตียวสิ้วเอาทวนแทงรุมแทงเข้าใส่จนขาดใจตาย 

และแผนการของเตียวสิ้วก็สำเร็จ และสามารถสังหารชายร่างยักษ์อย่างเตียนอุยลงได้ แต่บุญของโจโฉยังไม่สิ้น ยังหนีไปได้ สิ่งที่โจโฉทำสิ่งแรกหลังได้กำลังช่วยเหลือคือ จัดงานศพให้กับเตียนอุยอย่างสมศักดิ์ศรี แล้วต่อมาโจโฉจึงค่อยคิดอ่านตีเตียวสิ้วแตกในที่สุด นับว่าเป็นการเสียครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโจโฉก็ว่าได้ ดั่งที่โจโฉพูดว่า“เสียโจอันบิ๋นหลานชายของข้า ข้ายังไม่เสียดายเท่าเสียทหารเอก อย่างเตียนอุยไปเลย”




กองทัพพันธมิตร ๑๘ หัวเมืองยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำกองทัพ ซึ่งเล่าปี่ กวน และเตียหุยก็ได้ไปในกองทัพครั้งนี้ด้วย โดยเล่าปี่เป็นทหารในสังกัดของกองซุนจ้าน ส่วนกวนอูเป็นนายทหารม้ามือธนู อ้วนเสี้ยวส่งซุนเกี๋ยนเข้าโจมตีตั๋งโต๊ะ แต่ก็แพ้กลับมา เพราะอ้วนสุดไม่ยอมส่งเสบียงไปให้กองทัพเขา ฮัวหยงแม่ทัพซ้ายของตั๋รโต๊ะได้เข้ามาท้ารบและฆ่าแม่ทัพของฝ่ายพันธมิตรตายลงไปคนแล้วคนเล่า 

ในที่สุดกวนอูจึงขออาสาไปต่อสู้กับฮัวหยง ในชั้นแรกอ้วนเสี้ยวโกรธมากที่กวนอูเป็นเพียงทหารม้ามือธนู กลับกำแหงจะไปรบกับแม่ทัพอย่างฮัวหยง แต่โจโฉห้ามไว้ และให้กวนอูออกไปสู้กับฮัวหยง ปรากฏว่ากวนอูสามารถปลิดชีพฮัวหยงได้ในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

และแล้วลิโป้ก็ออกมาสู้รบเอง ขุนศึกฝ่ายพันธมิตรพ่ายแพ้คนแล้วคนเล่า เตียวหุยน้องคนเล็กก็ได้อาสาออกไปรบกับลิโป้ เมื่อรบกันได้สี่สิบเพลง กวนอูก็เข้าไปช่วย และเมื่อรบกันอีกสักพักเล่าปี่ก็เข้าไปร่วมวงด้วย ปรากฏว่าลิโป้ ซึ่งได้ชื่อว่าไม่เคยแพ้ใครถึงกับต้องถอยกลับไปเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งทำให้สามพี่น้องร่วมสาบานมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว กวนอูเองก็ได้การสรรเสริญว่ามีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลิโป้ ผู้ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นเทพนักรบเลย




กวนอู ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของความซื่อสัตย์ ด้วยความห้าวหาญของเขา จึงทำให้โจโฉนิยมชมชอบจนถึงขั้นเชื้อเชิญและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะเอากวนอูมาเป็นพวก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะใจของกวนอูได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่กวนอูหลงกลอุบายที่โจโฉยุให้กวนอูออกรบแล้วล้อมจับไว้ จากนั้นจึงให้ทหารลอบเข้าไปจับตัวภรรยาของเล่าปี่มาเป็นตัวประกัน แล้วขู่บังคับให้กวนอูยอมจำนน กวนอูซึ่งเป็นห่วงในตัวพี่สะใภ้ จึงต้องยอมแต่โดยดี แต่ก็มีข้อแม้ไว้ 3 ข้อ คือ 

หนึ่ง กวนอูเป็นข้าในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่ใช่ข้าของโจโฉ
สอง ห้ามไม่ให้ทำร้ายพี่สะใภ้ของกวนอูอย่างเด็ดขาด
สาม ถ้าพบว่าเล่าปี่ยังมีชีวิตอยู่ กวนอูจะไปหาทันที และห้ามรั้งไว้

ในสามข้อนี้ มีข้อสุดท้ายข้อเดียวที่โจโฉแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์จึงรับไว้ก่อน จากนั้นก็ให้กวนอูพักอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่สะใภ้ เพื่อต้องการให้เกิดความใกล้ชิดกันจนถึงขั้นมีสัมพันธ์ชู้สาว แต่กวนอูรู้ทันจึงไม่ยอมอยู่ในบ้าน แต่กลับนั่งเฝ้าที่หน้าประตูทุกคืน

ต่อมาเมื่อโจโฉเห็นว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล จึงใช้แผนมอบสิ่งของ โดยการให้เสื้อกันหนาวตัวใหม่แก่กวนอู ในครั้งนี้กวนอูรับเสื้อไว้ แต่ก็ไม่ได้ถอดเสื้อตัวเก่าที่เล่าปี่เคยมอบให้ และกลับเอาเสื้อตัวใหม่ที่ได้รับใส่ข้างใน แล้วเอาตัวเก่าใส่ไว้ข้างนอก โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการรำลึกถึงเล่าปี่

ต่อมาโจโฉให้ม้าเช็กเธาว์ ซึ่งกวนอูแสดงอาการดีใจมาก โจโฉจึงถามสาเหตุของความดีใจครั้งนี้ และก็ได้รับคำตอบว่า “ม้าตัวนี้มีฝีเท้าดี วิ่งได้ในระยะทางไกลไกลโดยไม่ต้องพัก ดังนั้นเมื่อทราบว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ตนก็สามารถไปหาได้ทันที” โจโฉตัดพ้อว่าทำไมกวนอูจึงไม่ยอมตัดใจจากก๊กของเล่าปี่ กวนอูจึงตอบไปว่า จริงอยู่ที่โจโฉมีบุญคุณ แต่กวนอูได้กระทำสัตย์สาบานไว้เมื่อครั้งพี่น้องทั้งสามพบกัน ว่าจะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน แต่ก่อนที่จะจากไปกวนอูจะตอบแทนบุญคุณให้โจโฉอย่างแน่นอน




เตียวเสียนเป็นหญิงรับใช้ที่พ่อแม่ตายแต่ยังเล็ก ได้อ้องอุ้นรับมาชุบเลี้ยง ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๖ ปี ยามที่อ้องอุ้นถอดถอนหายใจด้วยห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองยามดึก แล้วออกมาพบเตียวเสียนนั่งร้องไห้กับเดือนอยู่ อ้องอุ้นถามว่า นังหนู ร้องไห้ด้วยเหตุใด อกหักเพราะความรักล่ะสิ เตียวเสียนตอบว่า มิได้ นางร้องไห้เพราะสงสารอ้องอุ้นที่เหมือนบิดาตนกลุ้มใจ เมื่ออ้องอุ้นได้เห็นโฉมหน้าของเตียวเสียนอย่างชัดเจนแล้วจึงอุทานว่า แผ่นดินมีคนมาช่วยแล้ว

อ้องอุ้นวางแผนให้เตียวเสียนใช้มารยาหญิง ทำให้ตั๋งโต๊ะและลิโป้แตกคอกันจนฆ่ากันเองในที่สุด โดยจะยกให้แก่ลิโป้ก่อน แล้วจึงยกให้ตั๋งโต๊ะ ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่อ้องอุ้นวางไว้ทุกประการ และหลังจากตอนนี้แล้ว เตียวเสียนก็ไปเป็นภรรยาคนที่สองของลิโป้ แต่การตายของเตียวเสียนก็ไม่ปรากฏแน่ชัด ในปัจจุบันมีการวิเคราะห์ว่า เตียวเสี้ยนแตกต่างจากหญิงงามอีกสามคนในจำนวนหญิงงามสี่แผ่นดินของจีน เนื่องจากไม่ได้รับการยืนยันว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพียงหญิงรับใช้ของตั๋งโต๊ะที่มีความสัมพันธ์กับลิโป้ ซึ่งเป็นขุนศึกของตั๋งโต๊ะเท่านั้น






โจโฉเห็นม้าที่กวนอูขี่ผ่ายผอมเพราะทานน้ำหนักกวนอูไม่ไหวจึงมอบม้าเซ็กเธาว์ของลิโป้ให้ สร้างความดีใจให้กวนอูเป็นอย่างยิ่งจนถึงกับคุกเข่าคำนับโจโฉหลายครั้งจนโจโฉสงสัยถามว่า"เราให้ทองสิ่งของแก่ท่านมาเป็นอันมากก็ไม่ยินดี ท่านไม่ว่าชอบใจและมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากกว่าทรัพย์สินอีกเล่า" กวนอูจึงตอบด้วยเหตุผลว่า "ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดินทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณมหาอุปราชมากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง"



ฝ่ายลิโป้อยู่ ณ เมืองชีจิ๋ว มีความสุขกายสบายใจ จนกระทั่งจับสายลับของเล่าปี่ซึ่งส่งไปหาโจโฉ ได้ความว่า เล่าปี่ร่วมมือกับโจโฉจะกำจัดลิโป้ ลิโป้โกรธเป็นอันมากจึงสั่งกองทัพชีจิ๋วยกไปตีเมืองเสียวพ่ายของเล่าปี่ทันที เล่าปี่ทราบข่าว ขอกำลังจากกองทัพโจโฉมาช่วย โจโฉให้แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพหน้ายกมาช่วยแต่แฮหัวตุ้นพลาดท่า ถูกทำร้ายจนดวงตาบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถยกมาช่วยเล่าปี่ได้ เมืองเสียวพ่ายต้านไม่ไหว เสียให้ลิโป้ เล่าปี่หนีไปหาโจโฉอีกครั้ง โจโฉจึงให้ยกกองทัพใหญ่โจมตีเมืองชีจิ๋ว ให้ตันเต๋งไส้ศึกเริ่มทำงานลวงลิโป้ออกจากเมืองชีจิ๋วและยึดเมืองเสีย ลิโป้ทราบแค้นแทบกระอักเลือด ถอยไปตั้ง ณ เมืองแห้ฝือ ทหารโจโฉล้อมเมืองไว้และให้ทหารเล่าปี่ตั้งทัพสกัดเส้นทางระหว่างลิโป้กับอ้วนสุด ป้องกันไม่ให้ลิโป้ติดต่อกับอ้วนสุดได้ กองทัพโจโฉล้อมเมืองแห้ฝือหลายเดือนอีกทั้งปล่อยน้ำจากเขื่อนทำลายเมือง เสบียงอาหารขาดแคลนเป็นอันมาก สุดท้ายลิโป้ถูกนายทหารชิงม้าเช็กเทาไปให้โจโฉ ลิโป้หมดกำลังใจรบ โจโฉให้ทหารเข้าตีเมือง เมืองจึงแตก ลิโป้ และนายทหารถูกจับได้ ลิโป้ถูกตัดสินให้ประหาร ลิโป้ขอให้เล่าปี่ช่วย แต่เล่าปี่มิใยดี ลิโป้จึงถูกประหารชีวิต เตียวเลี้ยวนายทหารลิโป้ได้กวนอูช่วยรับรองถึงความซื่อสัตย์จึงกลายเป็นทหารเอกของโจโฉในเวลาต่อมา




ซุนฮูหยิน หรือเดิมชื่อ ซุนซ่างเซียง ทรงเป็นพระราชธิดาองค์เดียวของซุนเกี๋ยนและนางง่อก๊กไท่ เป็นพระราชกนิษฐาต่างพระมารดาของซุนกวน เมื่อยังทรงพระเยาว์ชอบฝึกฝนอาวุธ เป็นลูกสาวที่ง่อก๊กไท่ไทเฮารักมาก

เมื่อจิวยี่คิดยึดเมืองเกงจิ๋ว ได้คิดอุบายลวงเล่าปี่มาแต่งงานกับซุนฮูหยินและจับเล่าปี่เป็นตัวประกันแลกกับเกงจิ๋ว แต่ขงเบ้งแก้ลำจิวยี่ได้ เล่าปี่จึงได้นางซุนฮูหยินนเป็นภรรยา ตัวเล่าปี่เองก็ไม่ต้องถูกจับ เกงจิ๋วก็ปลอดภัย ทั้งจิวยี่ก็กระอักเลือดด้วยความแค้นจนสลบไป

ต่อมา เล่าปี่ไปตีเสฉวนโดยทิ้งนางซุนฮูหยินไว้ที่เกงจิ๋ว ซุนกวนใช้จิวเสี้ยนไปลวงนางซุนฮูหยินว่าแม่ป่วยหนักมาก ให้กลับกังตั๋งไปเยี่ยมแม่และให้เอาอาเต๊าบุตรชายของเล่าปี่ไปด้วย ซุนฮูหยินจึงพาอาเต๊าขึ้นเรือไปกังตั๋ง แต่จูล่งและเตียวหุยมานำตัวอาเต๊าคืน นางซุนฮูหยินจึงเดินทางไปกังตั๋งเพียงผู้เดียว ต่อมาจึงรู้ภายหลังว่าถูกหลอก พระเจ้าซุนกวนได้สั่งให้กักตัวนางไว้

ต่อมาพระเจ้าเล่าปี่สวรรคต พระนางซุนฮูหยินรู้ข่าวจึงเสียพระทัยเป็นอันมาก พระนางจึงกระโดดน้ำสิ้นพระชนม์ตามพระเจ้าเล่าปี่ไป


2 ความคิดเห็น:

  1. เป็นศิลปะที่หาชมได้ยากมากเลยครับ
    และไม่ทราบว่าที่วัดแห่งนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับสามก๊ก
    เหตุใดจึงไม่วาดเป็นรูปพุทธประวัติเช่นวัดทั่วไป

    ขอบพระคุณสำหรับบทควาดี ๆ และรูปภาพสวย ๆ ครับ

    ตอบลบ
  2. ภาพสามก๊ก อยู่ที่ศาลาการเปรียญครับ

    ตอบลบ