วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน



วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน 

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน เมืองลี้ซุกซ่อนตัวเองมาเนิ่นนานนานนับหลายปีที่ กระทั่งทางราชการได้มีการสร้างและขยายหนทางทำให้การเดินทางเข้าสู่ดินแดนอันเงียบสงบเมืองนี้สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม ทว่าการได้เข้าไปสัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมของคนภูเขาที่บ้านห้วยต้ม บ้านห้วยต้มเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าปกาเญอะหรือกะเหรี่ยงทั้งหมด ๖๐๐ หลังคาเรือน ซึ่งพวกเขาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านห้วยต้มเมื่อปี ๒๕๑๔ หลังจากที่ทางราชการได้มีการสร้างเขื่อนยันฮีหรือเขื่อนภูมิพลขึ้น ชาวเขาเหล่านี้ไม่มีที่ทำกิน 

การอพยพเข้ามาอยู่ในระยะแรกมีความยากลำบากมากเพราะพื้นที่บางส่วนเป็นหินศิลาแลงและสภาพทั่วไปมีความแห้งแล้ง ชาวกะเหรี่ยงบางคนไม่สามารถทนอยู่ได้ต้องอพยพไปอยู่ในที่ใหม่ พวกที่ทนอยู่ได้ก็ตั้งหน้าทำงานต่อสู้กับอุปสรรคอันแห้งแล้งของธรรมชาติ 

เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์ได้เสด็จมาถึงดงไม้ตาลแล้วขึ้นประทับบนจอมดอยแห่งหนึ่ง เรียกว่า“ดอยนางพี่”ได้ประทานพระเกศาธาตุ ๑ เส้นให้พวกละว้าที่มาเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นบรรจุไว้ในพระเจดีย์ ต่อมาเรียกว่า“ดอยนางนอนจอมแจ้ง”(เพราะเสด็จมาถึงที่นั่นตอนรุ่งเช้า) ต่อมามีพญาเมืองเถิน พ่อฤๅษีและหมอพรานอีก ๘ คนหาบเนื้อสดเดินมาพบเข้าไม่มีอะไรจะถวาย จึงเอาเนื้อมาถวาย พระพุทธองค์ก็ไม่ฉัน พวกพรานจึงเอาเนื้อไปกองรวมกันไว้ พวกละว้าที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงไปต้มข้าวมาถวาย สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงรับมาฉันและให้ศีลให้พรพวกละว้า พระพุทธองค์จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้และทรงรับสั่งว่า“ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนก็เหมือนอยู่ใกล้ ถ้าไม่ปฏิบัติก็เหมือนอยู่ไกล” จากนั้นจึงทรงประทานนามที่นั่นว่า“ห้วยต้มข้าว” ต่อมาเรียกเพี้ยนมาเป็น“ห้วยต้ม” ซึ่งเป็นชื่อวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน 

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นวัดที่มีความสวยงามทางด้านศิลปกรรมแบบผสมระหว่างล้านนากับพม่า โดยเฉพาะพระธาตุเจดีย์ทรงแหลมเรียวรายล้อมด้วยเจดีย์ขนาดเล็กอีก ๑๖ องค์ ภายในศาลารอบองค์พระธาตุเจดีย์จะมีรูปปั้นของเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศกว่า ๓๐ องค์ และภายในศาลาหลังใหญ่ยังเป็นที่ตั้งศพของครูบาชัยยะวงศาพัฒนาบรรจุในโลงแก้วให้ศรัทธาประชาชนได้กราบไหว้ นอกจากนั้นในบริเวณด้านเหนือของวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าเก้าตื้อจำลอง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระมณฑป ได้จัดให้มีพระราชพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไปเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ พระเจ้าเก้าตื้อที่ประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปวัดพระบาทห้วยต้ม ได้จำลองมาจากพระเจ้าเก้าตื้อในอุโบสถวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยฝีมือสกุลช่างเชียงแสนผสมสุโขทัยหน้าตักกว้างประมาณ ๑๒๐ นิ้ว ว่ากันว่าพระเจ้าเก้าตื้อองค์จริงที่วัดสวนดอกสร้างขึ้นในสมัยของพระยารัตนเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๑๔ แห่งราชวงศ์มังราย(พ.ศ.๒๐๓๘-๒๐๖๘) อันนับเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองไพบูลย์ของศาสนาในเชียงใหม่มากที่สุด พระเจ้าเก้าตื้อองค์นี้นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามได้สัดส่วน และเนื่องด้วยที่พระองค์นี้มีน้ำหนัก ๙ ตื้อ ซึ่งเป็นมาตราชั่งของคนล้านนา ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกกันต่อมาว่า“พระเจ้าเก้าตื้อ” 

เมื่อครั้งที่ครูบาวงศ์ ได้สร้างมณฑปขึ้นที่วัดพระบาทห้วยต้ม ท่านได้ให้ช่างปูนปั้นจำลองแบบพระเจ้าเก้าตื้อมาจากองค์จริงที่ประดิษฐาน ณ วัดสวนดอก พร้อมกับได้กราบทูลอาราธนาสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เสด็จมาเป็นองค์ประธานทำพิธีเททอง ความรุ่งเรืองแห่งพุทธศาสนาในแผ่นดินลี้ยังแผ่ขยายปกคลุมให้ชนชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นด้วย ปัจจุบันมีชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยต้มจำนวนมากเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและเชื่อฟังคำสั่งสอนของครูบาวงศ์ ทุกๆวันพวกเขาจะไม่ทานเนื้อสัตว์และจะเคร่งครัดยึดมั่นในศีล จะเห็นได้จากที่เวลาชาวบ้านไปทำบุญที่วัดมักจะถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่ที่หน้าประตูวัด ซึ่งภาพเช่นนี้มีให้พบเห็นไม่บ่อยนัก หากไม่นับรวมกับความศรัทธาของชาวไทใหญ่แห่งพม่าที่ยังคงยึดถือปฏิบัติความเชื่อเช่นนี้เหมือนกัน 

การเดินทางไปยังวัดพระพุทธบาทห้วยต้มใช้เส้นทางสายลำพูน-ลี้ระยะทางประมาณ ๑๐๘ กิโลเมตรจะมีทางแยกขวามือเข้าสู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มอีกประมาณ ๘ กิโลเมตร สำหรับศรัทธาประชาชนต้องการไปกราบไหว้พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย รอยพระพุทธบาทจำลอง พระเจ้าเก้าตื้อที่งดงามที่สุด รวมถึงเคารพศพครูบาวงศ์ที่บรรจุอยู่ในโลงแก้ว สามารถเดินทางได้ตามเส้นทางดังกล่าว










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น